ดอกไม้กินได้
ดอกไม้กินได้มีหลากหลายชนิดและถูกนำมาใช้ประกอบอาหารและตกแต่งจานมายาวนาน
ดอกไม้กินได้ ดอกไม้กินได้มีหลากหลายชนิดและถูกนำมาใช้ประกอบอาหารและตกแต่งจานมายาวนาน นอกจากความสวยงามแล้ว ดอกไม้เหล่านี้ยังมีรสชาติและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วย
ลักษณะของดอกไม้กินได้
- ปลอดภัยต่อการบริโภค: ดอกไม้ที่นำมากินได้ต้องเป็นชนิดที่ระบุว่าปลอดภัยเท่านั้น และต้องมั่นใจว่าไม่มีสารเคมี ยาฆ่าแมลง หรือปุ๋ยที่เป็นอันตรายปนเปื้อนอยู่
- รสชาติและกลิ่น: ดอกไม้แต่ละชนิดมีรสชาติและกลิ่นที่แตกต่างกันไป บางชนิดมีรสหวาน เช่น อัญชัน หรือเข็ม บางชนิดมีรสเปรี้ยว เช่น เฟื่องฟ้า และบางชนิดมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เช่น กุหลาบ หรือมะลิ
- ประโยชน์ทางโภชนาการ: ดอกไม้บางชนิดมีวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
การแยกแยะดอกไม้กินได้ออกจากดอกไม้มีพิษเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งเพื่อความปลอดภัยในการบริโภค เนื่องจากดอกไม้หลายชนิดมีรูปลักษณ์ที่สวยงามคล้ายคลึงกัน แต่บางชนิดอาจมีสารพิษที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้
หลักการสำคัญในการแยกแยะ
1. ต้องมั่นใจ 100% ว่าเป็นดอกไม้ชนิดที่กินได้: นี่คือหลักการที่สำคัญที่สุด ห้ามเด็ดดอกไม้ที่ไม่รู้จักมาลองชิมเด็ดขาด ควรบริโภคเฉพาะดอกไม้ที่ได้รับการยืนยันว่าเป็นดอกไม้กินได้เท่านั้น และต้องแน่ใจว่าเป็นดอกไม้สายพันธุ์นั้นจริงๆ ไม่ใช่สายพันธุ์ที่มีลักษณะคล้ายกันแต่มีพิษ เช่น ดอกลีลาวดีบางสายพันธุ์สามารถนำกลีบมาชุบแป้งทอดได้ แต่บางสายพันธุ์อาจมีพิษร้ายแรง
2. หลีกเลี่ยงดอกไม้ที่มี "ยาง": ดอกไม้ที่มีน้ำยางสีขาวขุ่น เช่นดอกยี่โถ - ดอกชวนชม และดอกรัก มักจะมีสารพิษที่เป็นอันตรายต่อระบบหัวใจและระบบทางเดินอาหาร ควรหลีกเลี่ยงการนำดอกไม้เหล่านี้มาบริโภคหรือแม้แต่ใช้ตกแต่งอาหาร
3. ระวังการปนเปื้อนของสารเคมี: ดอกไม้ที่สวยงามตามท้องตลาดหรือร้านดอกไม้ทั่วไปมักจะถูกปลูกโดยใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลง และปุ๋ยเคมีต่างๆ ซึ่งอาจเป็นอันตรายหากนำมาบริโภค ควรเลือกซื้อดอกไม้กินได้จากแหล่งปลูกที่เชื่อถือได้ หรือปลูกเองแบบปลอดสารพิษ
4. ตรวจสอบแหล่งที่มา: หากไม่มั่นใจในแหล่งที่มาของดอกไม้ ไม่ควรนำมาบริโภคเด็ดขาด โดยเฉพาะดอกไม้ที่เก็บจากข้างถนน สวนสาธารณะ หรือบริเวณที่อาจมีการปนเปื้อนของสารพิษ
5. รู้จักส่วนที่กินได้ของดอกไม้: ดอกไม้บางชนิดแม้จะกินได้ แต่ก็มีบางส่วนที่เป็นพิษ เช่น ดอกงิ้วสามารถกินได้เฉพาะเกสรเพศผู้ที่ตากแห้งแล้วนำมาปรุงอาหาร แต่ส่วนอื่นๆ ของดอกอาจต้องกำจัดทิ้งก่อน
6. ระวังกกลิ่นและรสชาติ: ดอกไม้ที่มีรสขมจัดหรือมีรสเฝื่อนผิดปกติอาจเป็นสัญญาณของสารพิษ ควรคายทิ้งทันทีหากลองชิมแล้วพบว่ามีรสชาติไม่พึงประสงค์
ประเภทและตัวอย่างของดอกไม้กินได้ที่นิยม
1. ดอกไม้ที่ให้รสชาติหวานหรือเป็นกลาง
เหมาะสำหรับทำเป็นของหวาน เครื่องดื่ม หรือตกแต่งจานให้สวยงาม
- อัญชัน: มีสีน้ำเงินอมม่วงสวยงาม ใช้ทำเครื่องดื่มและขนมให้สีสัน
- กุหลาบ: กลีบมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว นิยมนำไปทำชา แยม หรือตกแต่งเค้ก
- เข็ม: ดอกมีรสหวาน นิยมนำมาทานสด
- พวงชมพู: ดอกสีชมพูขนาดเล็ก รสหวานอมเปรี้ยว
- มะลิ: ดอกมีกลิ่นหอมเย็น นิยมนำไปทำน้ำลอยดอกมะลิหรือปรุงกลิ่นขนม
2. ดอกไม้ที่ให้รสชาติเผ็ดซ่า
เหมาะสำหรับใส่ในสลัดหรืออาหารคาวเพื่อเพิ่มรสชาติที่โดดเด่น
- ดาวเรืองฝรั่งเศส (Marigold): มีกลิ่นและรสเผ็ดร้อนคล้ายมะนาว เหมาะสำหรับใส่ในสลัด
- ผกากรอง: มีกลิ่นเฉพาะตัว คล้ายตะไคร้
3. ดอกไม้ที่ใช้ในอาหารคาว
ดอกไม้เหล่านี้มีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่หลากหลาย สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายเมนู
- แค: ดอกสีขาวขนาดใหญ่ นิยมนำไปลวกจิ้มน้ำพริก หรือใส่ในแกงส้ม
- ขจร: ดอกตูมมีรสหวานเล็กน้อย นิยมนำไปผัดหรือใส่ในแกงจืด
- โสน: ดอกสีเหลือง นิยมนำไปลวกหรือใส่ในแกงส้ม
- กุหลาบมอญ: มีกลิ่นหอมและรสชาติดี นิยมนำไปทำเป็นแกง เช่น แกงดอกกุหลาบ
- ฟักทอง: ดอกมีเนื้อสัมผัสดี นิยมนำไปชุบแป้งทอด
ดอกไม้กินได้ในประเทศไทยมีมากมายหลายชนิด ทั้งที่เป็นผักพื้นบ้าน ดอกไม้จากไม้ยืนต้น หรือแม้แต่ดอกไม้ประดับที่สามารถนำมาปรุงอาหารได้ มาดูกันว่ามีดอกไม้อะไรบ้างที่นิยมนำมาใช้ประกอบอาหารและนำไปทำเมนูอะไรได้บ้าง
ดอกไม้ที่นิยมนำมาทำอาหาร
1. ดอกแค
เป็นดอกไม้ยอดนิยมชนิดหนึ่งของไทย
-ลักษณะ : ดอกสีขาวหรือม่วงอ่อน มีทั้งแคขาวและแคแดง
-รสชาติ : มีรสหวานอมขมเล็กน้อย
-การนำไปใช้ : นิยมนำไปทำแกงส้มดอกแค,ดอกแคสอดไส้หมูสับ,ต้มเลือดหมู หรือนำไปลวกจิ้มน้ำพริก
-เคล็ดลับ : ควรดึงเกสรสีเหลืองออกเพื่อลดความขม
2. ดอกขจร
-ลักษณะ : ดอกสีเหลืองอมเขียว ขนาดเล็กเป็นช่อ
-รสชาติ : หวานหอม อร่อยมาก
-การนำไปใช้ : นำไปทำแกงจืดดอกขจร,ดอกขจรชุบไข่ทอด,ยำดอกขจร หรือใส่ในไข่เจียว
3. ดอกโสน
เป็นดอกไม้ที่พบมากในฤดูฝน
-ลักษณะ : ดอกสีเหลืองสด ขนาดเล็ก
-รสชาติ : หวานมัน
-การนำไปใช้ : ทำดอกโสนชุบแป้งทอด,แกงส้ม,ยำ หรือดองน้ำผึ้ง
4. ดอกกะหล่ำ
แม้จะไม่ใช่ไม้พื้นบ้านแต่ปลูกและนิยมรับประทานในไทย
-ลักษณะ : เป็นดอกอ่อนของกะหล่ำปลี
-รสชาติ : กรอบ หวาน
-การนำไปใช้:ผัดน้ำมันหอย,ต้มจืด,ทอดมัน, หรือกินสดในสลัด
5. ดอกสะเดา
ขึ้นชื่อเรื่องรสขมที่เป็นเอกลักษณ์และมีสรรพคุณทางยา
-ลักษณะ : ดอกเล็กสีเขียวอ่อนเป็นช่อ
-รสชาติ : มีความขมที่เป็นยาชั้นดี
-การนำไปใช้ : นำไปทำแกงเห็ดกับดอกสะเดา,น้ำพริกดอกสะเดา (นิยมทานคู่กับน้ำปลาหวานและปลาดุกย่าง) หรือลวกจิ้มน้ำพริก
6. ดอกอัญชัน
นอกจากใช้ทำสีแล้วยังสามารถรับประทานได้
-ลักษณะ : ดอกสีม่วงสดสวย
-รสชาติ : หวานเล็กน้อย
-การนำไปใช้ : นำดอกสดไปชุบแป้งทอด, ใส่ในสลัด, หรือนำไปต้มทำน้ำดอกอัญชันเพื่อสุขภาพ
7. ดอกเฟื่องฟ้า
หมายเหตุ : ส่วนที่กินได้คือดอกจริง (ดอกเล็กๆ สีขาวตรงกลาง) ไม่ใช่กลีบประดับสีสันสดใส
-การนำไปใช้ : นิยมนำดอกจริงมาชุบแป้งทอดกรอบ
8. ดอกเพกา (หรือดอกลิ้นฟ้า)
-ลักษณะ : ดอกสีขาวหรือม่วงอ่อน เป็นช่อ
-รสชาติ : มีรสขมอมหวาน
-การนำไปใช้ : ลวกหรือต้มให้สุกแล้วจิ้มน้ำพริก, ทำแกงส้ม หรือนำไปยำ
9. ดอกกระเจี๊ยบ
นิยมนำมาทำเครื่องดื่มและอาหาร
-ลักษณะ : ดอกสีแดงสด
-รสชาติ : เปรี้ยวชื่นใจ
-การนำไปใช้ : ทำน้ำกระเจี๊ยบ, แยม หรือต้มกับน้ำตาลทำเป็นซอส
10. ดอกกล้วย (หรือหัวปลี)
-ลักษณะ : เนื้อสัมผัสกรุบกรอบ
-รสชาติ : ขมเล็กน้อย
-การนำไปใช้ : นำไปทำแกงเลียง,ยำหัวปลี,ต้มกะทิ หรือหั่นฝอยแล้วผัดน้ำมันหอย
ดอกไม้เหล่านี้ไม่เพียงแต่ให้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการและเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการกินของไทยมายาวนาน ลองหาซื้อตามตลาดสดหรือซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อนำมาทำเมนูอร่อยๆ ดูนะ
ตัวอย่างดอกไม้มีพิษที่พบบ่อย
- ยี่โถ (Oleander): ทุกส่วนของต้นยี่โถเป็นพิษร้ายแรง โดยเฉพาะในส่วนของยาง ทำให้มีผลต่อระบบหัวใจและอาจถึงแก่ชีวิตได้
- ชวนชม (Desert Rose): มีสารพิษอยู่ในทุกส่วนของต้น
- ไฮเดรนเยีย (Hydrangea): มีสารไซยาไนด์ที่เป็นพิษ
- ดาวกระจาย (Cosmos): บางสายพันธุ์สามารถกินได้ แต่บางสายพันธุ์อาจมีพิษ ควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อน
- รัก (Crown Flower): มีน้ำยางสีขาวที่เป็นพิษ
วิธีที่ดีที่สุดในการบริโภคดอกไม้คือรู้จริง และระมัดระวัง หากไม่แน่ใจว่าเป็นดอกไม้ชนิดที่กินได้หรือไม่อย่าเสี่ยง เพราะความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพได้เสมอ
- เลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้: ควรเลือกซื้อจากร้านค้าที่ระบุว่าเป็นดอกไม้กินได้และปลูกแบบปลอดสารเคมี
- ไม่ควรเก็บจากข้างทาง: หลีกเลี่ยงการเก็บดอกไม้จากริมถนนหรือสวนสาธารณะ เพราะอาจมีสารพิษจากควันรถหรือยาฆ่าแมลง
- ล้างทำความสะอาดให้ดี: ก่อนนำไปใช้ประกอบอาหาร ควรล้างดอกไม้ด้วยน้ำสะอาดให้หมดจด
- ศึกษาชนิดให้แน่ใจ: ดอกไม้บางชนิดมีลักษณะคล้ายดอกไม้กินได้ แต่มีพิษ ควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนนำมาบริโภค
การใช้ดอกไม้ในเมนูอาหารไม่เพียงแต่เพิ่มความสวยงาม แต่ยังเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์อีกด้วย นี่คือเมนูแนะนำจากดอกไม้กินได้ยอดนิยมที่ทำได้ง่ายและอร่อย
เมนูอาหารคาว
- แกงส้มดอกแค: เมนูแกงส้มรสจัดจ้านที่ใช้ดอกแคเป็นส่วนประกอบหลัก ดอกแคจะช่วยให้รสชาติกลมกล่อมและมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มนวล
- ดอกขจรผัดน้ำมันหอย: ดอกขจรมีรสหวานเล็กน้อยและกรุบกรอบเมื่อนำไปผัดกับน้ำมันหอย กระเทียม และหมูสับ เป็นเมนูที่ทำง่ายและอร่อย
- ดอกโสนผัดไข่: ดอกโสนมีรสชาติเฉพาะตัว เมื่อนำไปผัดกับไข่จะเข้ากันได้ดี ทำให้ได้เมนูที่หอมและรสชาติดี
- ดอกอัญชันชุบแป้งทอด: ดอกอัญชันสีสวยสดนำมาคลุกกับแป้งทอดกรอบ ทานคู่กับน้ำจิ้มบ๊วยหรือน้ำจิ้มไก่ เป็นของว่างที่น่าสนใจ
- สลัดดอกไม้: นำกลีบดอกไม้กินได้ เช่น ดอกกุหลาบ ดอกเฟื่องฟ้า ดอกดาวเรืองฝรั่งเศส มาผสมในสลัดผัก ราดด้วยน้ำสลัดรสเปรี้ยวอมหวาน จะได้สลัดที่มีสีสันสวยงามและรสชาติที่ซับซ้อน
เมนูเครื่องดื่มและของหวาน
- ชากุหลาบ: ชงกลีบกุหลาบแห้งกับน้ำร้อน จะได้ชาที่มีกลิ่นหอมละมุน ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
- น้ำอัญชันมะนาว: นำดอกอัญชันไปต้มจะได้น้ำสีน้ำเงินเข้ม พอเติมน้ำมะนาวลงไปจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงสวยงาม เป็นเครื่องดื่มที่สดชื่นและมีสีสันสะดุดตา
- เยลลี่ดอกไม้: นำเยลลี่มาทำเป็นฐาน แล้วใส่ดอกไม้กินได้ขนาดเล็ก เช่น ดอกพวงชมพู หรือดอกมะลิ ลงไป จะได้ของหวานที่สวยงามราวกับสวนดอกไม้ในจาน
- ข้าวเหนียวดอกอัญชัน: นำน้ำดอกอัญชันไปผสมกับน้ำกะทิสำหรับนึ่งข้าวเหนียว จะได้ข้าวเหนียวสีม่วงสวยงาม ทานคู่กับมะม่วงสุกหรือสังขยา
เคล็ดลับ: ก่อนนำดอกไม้มาประกอบอาหาร ควรล้างทำความสะอาดให้ดี และเลือกใช้เฉพาะดอกไม้ที่ปลูกแบบไร้สารเคมีเพื่อความปลอดภัย
เอกสารประกอบ
ดอกไม้กินได้ (NRCT และ OKMD) - edible-flower.pdf
PGS นครศรีธรรมราช
เครือข่ายเกษตรอินทรีย์ PGS นครศรีธรรมราช ขับเคลื่อนโดย สมาคมอาหารธรรมชาติยั่งยืน นครศรีธรรมราช
ที่อยู่ : ตำบลควนกลาง อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช
โทร : 0816577283
