การดูแลรักษาและจัดการศัตรูพืช โรคพืช
มีหลักการและแนวทางปฏิบัติ แบบผสมผสาน
การดูแลรักษาและจัดการศัตรูพืช โรคพืช เป็นสิ่งสำคัญในการทำการเกษตรอย่างยั่งยืน โดยมีหลักการและแนวทางปฏิบัติ แบบผสมผสาน 

หลักการพื้นฐานในการป้องกันและจัดการ
1. เริ่มที่สุขภาพดิน: ดินดีคือพื้นฐานของพืชแข็งแรง ใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกเก่า เพื่อเพิ่มจุลินทรีย์และอินทรียวัตถุ
2. เลือกพันธุ์พืชที่เหมาะสม: เลือกพันธุ์ที่ต้านทานหรือทนต่อโรคและแมลงศัตรูที่พบในพื้นที่ของคุณ
3. ปลูกอย่างถูกวิธี: ปลูกด้วยระยะห่างที่เหมาะสม ไม่เบียดแน่น เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดี ลดความชื้นที่ทำให้เกิดโรค
4. หมั่นสังเกตและตรวจสอบสวนอย่างสม่ำเสมอ: ตรวจดูทั้งด้านหน้าและหลังใบ ดูรากและดินอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อค้นหาปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ
5. รักษาความสะอาด: เก็บเศษซากพืชที่ร่วงหล่นไปทำลายทิ้ง หรือนำไปหมักปุ๋ย เพื่อตัดวงจรชีวิตของโรคและแมลง

การจัดการศัตรูพืชและโรคพืชแบบผสมผสาน (Integrated Pest Management: IPM)

แนวคิดนี้เน้นการใช้หลายๆ วิธีร่วมกัน เพื่อควบคุมศัตรูพืชและโรคพืชให้อยู่ในระดับที่ไม่สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้บริโภคเป็นหลัก ประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้

1. การป้องกันและเฝ้าระวัง
 - เลือกใช้พันธุ์พืชที่ต้านทานโรคและแมลง: เป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุดในการป้องกันแต่แรก
 - ปรับปรุงบำรุงดิน: ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์จะทำให้พืชแข็งแรงและต้านทานโรคได้ดี
 - จัดการแปลงปลูกให้เหมาะสม:
     - การปลูกพืชหมุนเวียน: เพื่อตัดวงจรชีวิตของศัตรูพืชและโรคในดิน
     - การปลูกพืชแซม: เช่น พืชที่มีกลิ่นฉุนเพื่อไล่แมลง (ตะไคร้หอม ดาวเรือง)
     - การกำจัดวัชพืช: วัชพืชเป็นที่หลบซ่อนและแหล่งอาหารของแมลงและโรคพืช
 - การเฝ้าระวังและสำรวจ: หมั่นเดินสำรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อตรวจหาการระบาดของศัตรูพืชในระยะเริ่มต้น

2. การใช้วิธีทางกายภาพและกลไก
 - การกับดัก: ใช้กับดักแสงไฟ หรือกับดักกาวเหนียวสีต่างๆ เพื่อล่อแมลงศัตรูพืช
 - การใช้ตาข่ายกันแมลง: ใช้คลุมโรงเรือนหรือแปลงผัก เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงเข้ามาวางไข่
 - การตัดแต่งกิ่ง: กำจัดส่วนที่เป็นโรคหรือถูกทำลายทิ้งทันที เพื่อไม่ให้ลุกลาม
 - การใช้น้ำแรงดันสูงฉีดไล่: ใช้ฉีดแมลงตัวเล็กๆ เช่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยแป้ง

3. การใช้ศัตรูธรรมชาติ
 - การอนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติ: ปล่อยให้มีพื้นที่ให้แมลงดี หรือศัตรูธรรมชาติอาศัย เช่น แมลงช้างปีกใส ตัวห้ำ ตัวเบียน
 - การเพิ่มจำนวนศัตรูธรรมชาติ: เช่น ปล่อยแตนเบียนไตรโคแกรมมาเพื่อควบคุมหนอน
 - การปลูกพืชที่เป็นแหล่งอาหารของศัตรูธรรมชาติ: เช่น ดอกไม้บางชนิดที่เป็นแหล่งน้ำหวานให้แมลงตัวห้ำ

4. การใช้สารชีวภัณฑ์และสารสกัดจากธรรมชาติ
 - จุลินทรีย์ควบคุมโรคพืช: เช่นเชื้อราไตรโคเดอร์มา สำหรับป้องกันและรักษาโรครากเน่าโคนเน่า
 - จุลินทรีย์ควบคุมแมลงศัตรูพืช: เช่นเชื้อราขาว บิวเวอร์เรีย และเชื้อราเขียว เมธาไรเซียม
 - สารสกัดจากพืชสมุนไพร: เช่นสะเดา ข่า ตะไคร้หอม สามารถนำมาทำเป็นน้ำหมักหรือสเปรย์เพื่อไล่แมลง

5. การใช้สารเคมี (เป็นทางเลือกสุดท้าย)
 - ใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น: ควรใช้เมื่อวิธีการอื่นไม่ได้ผล และการระบาดอยู่ในขั้นที่รุนแรง
 - เลือกใช้สารเคมีที่ปลอดภัย: เลือกชนิดที่มีความเป็นพิษต่ำ และสลายตัวได้เร็ว
 - ใช้ให้ถูกวิธี: ปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด ทั้งเรื่องอัตราส่วนการใช้และระยะเวลาการหยุดพ่นก่อนเก็บเกี่ยว (MRL) เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค

เคล็ดลับสำคัญ: การจัดการศัตรูพืชและโรคพืชให้ได้ผลดีต้องอาศัยการสังเกต และลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการบันทึกข้อมูล เพื่อนำมาวิเคราะห์และวางแผนการจัดการในฤดูปลูกถัดไป
PGS นครศรีธรรมราช
ศูนย์เรียนรู้

เครือข่ายเกษตรอินทรีย์ PGS นครศรีธรรมราช ขับเคลื่อนโดย สมาคมอาหารธรรมชาติยั่งยืน นครศรีธรรมราช

รายละเอียด >>

  • ที่อยู่ : ตำบลควนกลาง อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช
  • โทร : 0816577283