เปลือกไข่
แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate, CaCO₃)
เปลือกไข่มีองค์ประกอบหลักคือ แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate, CaCO₃) ซึ่งเป็นสารประกอบเดียวกันกับที่พบในปูนขาวและปูนเปลือกหอย ทำให้มีคุณสมบัติในการปรับปรุงดินและให้ธาตุอาหารแคลเซียมแก่พืชได้เช่นกัน

ประโยชน์ของการใช้เปลือกไข่ในการเกษตร:
1.  ปรับปรุงค่าความเป็นกรด-ด่างของดิน (pH): เปลือกไข่บดละเอียดสามารถช่วยลดความเป็นกรดของดินได้เล็กน้อย ทำให้ pH เข้าใกล้ระดับที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืชและการทำงานของจุลินทรีย์ในดิน
2.  เพิ่มปริมาณธาตุอาหารแคลเซียม (Ca): เปลือกไข่เป็นแหล่งแคลเซียมที่ดี ซึ่งเป็นธาตุอาหารที่จำเป็นต่อความแข็งแรงของพืช การพัฒนาของระบบราก และกระบวนการทางสรีรวิทยาต่างๆ
3.  ปรับปรุงโครงสร้างของดิน: การใส่เปลือกไข่บดละเอียดช่วยให้ดินร่วนซุยขึ้น มีการระบายน้ำและอากาศที่ดีขึ้น
4.  เป็นแหล่งแร่ธาตุอื่นๆ: นอกจากแคลเซียมแล้ว เปลือกไข่ยังมีแร่ธาตุอื่นๆ ในปริมาณเล็กน้อยที่เป็นประโยชน์ต่อพืช เช่น แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม
5.  ช่วยป้องกันแมลงบางชนิด: เปลือกไข่บดหยาบที่โรยรอบโคนต้นอาจช่วยกีดขวางการเคลื่อนที่ของทากและหอยทากได้ เนื่องจากมีความคมและระคายเคือง
6.  ใช้ทำปุ๋ยหมัก: เปลือกไข่สามารถนำไปเป็นส่วนผสมในการทำปุ๋ยหมัก เพื่อเพิ่มปริมาณแคลเซียมและแร่ธาตุให้กับปุ๋ยหมัก

รูปแบบและการใช้งานของเปลือกไข่ในการเกษตร:
- เปลือกไข่บดละเอียด: เป็นรูปแบบที่นิยมใช้มากที่สุด โดยนำเปลือกไข่ที่ล้างสะอาดและตากแห้งแล้ว มาบดให้ละเอียดคล้ายผง สามารถใช้ผสมดินก่อนปลูก โรยรอบโคนต้น หรือผสมกับวัสดุปลูก
- เปลือกไข่บดหยาบ: สามารถนำไปโรยรอบโคนต้นเพื่อป้องกันแมลง หรือใช้รองก้นหลุมเพื่อค่อยๆ ปลดปล่อยแคลเซียมเมื่อสลายตัว
- น้ำสกัดเปลือกไข่: นำเปลือกไข่ที่บดละเอียดไปแช่น้ำทิ้งไว้ แล้วนำน้ำที่ได้มารดต้นไม้ เพื่อให้พืชได้รับแคลเซียมในรูปที่พืชดูดซึมได้ง่ายขึ้น
- น้ำหมักเปลือกไข่ เป็นของเหลวที่ได้จากการนำเปลือกไข่มาหมักกับวัสดุต่างๆ เช่น น้ำตาลทรายแดง กากน้ำตาล หรือผลไม้สุก เพื่อให้เกิดกระบวนการย่อยสลายและปลดปล่อยธาตุอาหาร โดยเฉพาะ แคลเซียม ออกมาในรูปที่พืชสามารถนำไปใช้ได้ง่ายขึ้น

เราจะนำเปลือกไข่มาใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง:
1. ปรับปรุงดินและเพิ่มแคลเซียม:
แหล่งแคลเซียมชั้นดี: เปลือกไข่มีแคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate - CaCO3) เป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งเป็นธาตุอาหารที่สำคัญสำหรับพืช ช่วยให้ผนังเซลล์แข็งแรง ลดปัญหาโรคและแมลงรบกวน รวมถึงช่วยในการเจริญเติบโตของรากและลำต้น
ปรับสภาพดิน: การใส่เปลือกไข่บดละเอียดลงในดินจะช่วยปรับสภาพดินที่เป็นกรดให้มีความเป็นกลางมากขึ้น ทำให้จุลินทรีย์ในดินทำงานได้ดีขึ้น และช่วยให้พืชดูดซึมธาตุอาหารได้ดีขึ้น
วิธีใช้: ล้างเปลือกไข่ให้สะอาด ตากให้แห้งสนิท แล้วนำมาบดให้ละเอียด (ยิ่งละเอียดมากยิ่งดี) จากนั้นนำไปโรยรอบโคนต้นพืช หรือผสมลงในดินก่อนปลูก
2. ป้องกันแมลงศัตรูพืช:
สร้างแนวป้องกัน: เปลือกไข่ที่แตกเป็นชิ้นเล็กๆ หรือบดหยาบๆ สามารถนำไปโรยรอบโคนต้นพืชเพื่อป้องกันแมลงคลาน เช่น หอยทาก หรือทาก ไม่ให้เข้ามากัดกินพืช เนื่องจากความคมของเปลือกไข่จะทำให้แมลงเหล่านี้ไม่สบายตัวที่จะเคลื่อนที่ผ่าน
ไล่แมลงบางชนิด: กลิ่นของเปลือกไข่บางครั้งก็สามารถช่วยไล่แมลงบางชนิดได้
3. ทำปุ๋ยหมัก:
เพิ่มแร่ธาตุ: เปลือกไข่เป็นแหล่งแคลเซียมและแร่ธาตุอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการทำปุ๋ยหมัก ช่วยให้ปุ๋ยหมักมีคุณภาพดีขึ้น
ช่วยในการย่อยสลาย: โครงสร้างของเปลือกไข่ช่วยเพิ่มช่องว่างในกองปุ๋ยหมัก ทำให้มีการถ่ายเทอากาศได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อกระบวนการย่อยสลายของจุลินทรีย์
วิธีใช้: ทุบเปลือกไข่ให้มีขนาดเล็กลง แล้วนำไปผสมกับวัสดุอื่นๆ ในกองปุ๋ยหมัก
4. ทำน้ำหมักเปลือกไข่:
แหล่งแคลเซียมเหลว: การนำเปลือกไข่มาหมักกับน้ำตาลทรายแดงหรือกากน้ำตาล จะได้น้ำหมักที่มีแคลเซียมและธาตุอาหารอื่นๆ ในรูปที่พืชสามารถดูดซึมไปใช้ได้ง่าย
วิธีทำ:
 - ล้างเปลือกไข่ให้สะอาด ตากให้แห้ง แล้วบดให้ละเอียด
 - นำเปลือกไข่บดมาผสมกับน้ำตาลทรายแดงหรือกากน้ำตาล ในอัตราส่วนประมาณ 3:1 (เปลือกไข่ 3 ส่วน ต่อน้ำตาล 1 ส่วน)
 - เติมน้ำสะอาดลงไปพอท่วม
 - ปิดฝาให้สนิท แต่ไม่ต้องแน่นมาก ทิ้งไว้ประมาณ 15-30 วัน สังเกตว่าไม่มีฟองแก๊สเกิดขึ้นแล้ว
 - นำน้ำหมักที่ได้มาเจือจางกับน้ำในอัตราส่วน 1:20 ถึง 1:50 แล้วนำไปรดหรือฉีดพ่นให้พืช
ข้อควรจำ:
* ควรล้างเปลือกไข่ให้สะอาดก่อนนำมาใช้ เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรคและกลิ่นไม่พึงประสงค์
* การบดเปลือกไข่ให้ละเอียดจะช่วยให้พืชสามารถนำธาตุอาหารไปใช้ได้ง่ายขึ้น
* การใช้เปลือกไข่อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการธาตุอาหารทั้งหมดของพืช ควรใช้ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ชนิดอื่นๆ เพื่อให้พืชได้รับธาตุอาหารที่ครบถ้วน

วิธีการทำน้ำหมักเปลือกไข่ 
วัสดุ:
+ เปลือกไข่ที่ล้างสะอาดและตากแห้งแล้ว (ประมาณ 1 กิโลกรัม)
+ น้ำตาลทรายแดงหรือกากน้ำตาล (ประมาณ 300-500 กรัม)
+ น้ำเปล่า (ประมาณ 3-5 ลิตร)
+ ถังหมักมีฝาปิด
ขั้นตอน:
1. บดหรือทุบเปลือกไข่ให้ละเอียด (ยิ่งละเอียดก็จะยิ่งหมักได้เร็วขึ้น)
2. ใส่เปลือกไข่บดลงในถังหมัก
3. ละลายน้ำตาลทรายแดงหรือกากน้ำตาลในน้ำเปล่า
4. เทน้ำที่ละลายน้ำตาลแล้วลงในถังหมัก ให้ท่วมเปลือกไข่
5. ปิดฝาถังหมักให้สนิท แต่ไม่ต้องปิดแน่นจนเกินไป เพื่อให้แก๊สที่เกิดจากการหมักระบายออกได้
6. หมักทิ้งไว้ประมาณ 2-4 สัปดาห์ สังเกตว่าจะมีฟองแก๊สเกิดขึ้นและกลิ่นจะเปลี่ยนไป (กลิ่นควรเป็นกลิ่นหมักเปรี้ยว ไม่ใช่กลิ่นเหม็นเน่า)
เมื่อหมักได้ที่ กรองเอาน้ำหมักเปลือกไข่ไปใช้

ธาตุอาหารหลักในเปลือกไข่  
1. แคลเซียม (Ca) [ประมาณ 90-95%]  
   - ช่วยเสริมสร้างผนังเซลล์พืช ทำให้ลำต้นแข็งแรง  
   - ป้องกันโรคเน่าดำ (Blossom End Rot) ในพืชผล เช่น มะเขือเทศ พริก แตงกวา  
   - ช่วยในการงอกของเมล็ดและพัฒนาระบบราก  

2. แมกนีเซียม (Mg) [ประมาณ 0.3%]  
   - เป็นส่วนประกอบสำคัญของคลอโรฟิลล์ ช่วยในการสังเคราะห์แสง  
   - ช่วยในการทำงานของเอนไซม์พืช  

3. โพแทสเซียม (K) [ประมาณ 0.04%]  
   - ช่วยในการสร้างดอกและผล  
   - เพิ่มความต้านทานโรคและความเครียดของพืช  

4. ฟอสฟอรัส (P) [เล็กน้อย]  
   - ส่งเสริมการเจริญเติบโตของราก  
   - เร่งการออกดอกและติดผล  

5. ธาตุรองอื่นๆ  
   - ซิลิกา (Si) → เสริมความแข็งแรงของเซลล์พืช  
   - โซเดียม (Na), สังกะสี (Zn), เหล็ก (Fe) → ในปริมาณเล็กน้อย  ​

การนำน้ำหมักเปลือกไข่ไปใช้:
- รดน้ำ: ผสมน้ำหมักเปลือกไข่กับน้ำเปล่าในอัตราส่วนประมาณ 1:20 ถึง 1:50 (น้ำหมัก 1 ส่วน ต่อน้ำเปล่า 20 ถึง 50 ส่วน) แล้วนำไปรดน้ำต้นไม้
- ฉีดพ่นทางใบ: สามารถนำไปฉีดพ่นทางใบได้ในอัตราส่วนที่เจือจางกว่าการรดน้ำ (เช่น 1:50 ถึง 1:100) เพื่อให้พืชดูดซึมแคลเซียมได้โดยตรง

วิธีการใช้เปลือกไข่ในการเกษตร:
- เตรียมดินก่อนปลูก: ผสมเปลือกไข่บดละเอียดลงในดินก่อนทำการปลูก
- โรยรอบโคนต้น: โรยเปลือกไข่บดรอบโคนต้นไม้ แล้วรดน้ำตาม
- ผสมกับวัสดุปลูก: ผสมเปลือกไข่บดในดินปลูกสำหรับไม้กระถางหรือแปลงเพาะกล้า
- รองก้นหลุม: วางเปลือกไข่บดหยาบหรือทั้งชิ้นรองก้นหลุมก่อนปลูก
- ทำน้ำสกัดเปลือกไข่: แช่เปลือกไข่บดละเอียดในน้ำประมาณ 1-2 สัปดาห์ แล้วนำน้ำมารดพืช

ข้อดีของการใช้เปลือกไข่:
- เป็นวัสดุเหลือใช้: ช่วยลดปริมาณขยะในครัวเรือน
- มีราคาถูกและหาได้ง่าย: เป็นของที่ได้จากการบริโภคในชีวิตประจำวัน
- เป็นแหล่งแคลเซียมจากธรรมชาติ

ข้อควรระวังในการใช้เปลือกไข่:
- ขนาดอนุภาค: เปลือกไข่ที่บดละเอียดจะมีประสิทธิภาพในการปรับ pH และให้ธาตุอาหารได้ดีกว่าเปลือกไข่ที่บดหยาบหรือเป็นชิ้น
- ปริมาณการใช้: ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม การใช้มากเกินไปอาจทำให้ pH สูงเกินไปได้ในดินบางชนิด
- ความสะอาด: ควรล้างเปลือกไข่ให้สะอาดและตากแห้งก่อนนำมาใช้ เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อโรคและกลิ่นไม่พึงประสงค์
- ผลลัพธ์ที่ช้ากว่าปูน: การปรับปรุงดินด้วยเปลือกไข่อาจต้องใช้เวลานานกว่าการใช้ปูนขาว เนื่องจากเปลือกไข่จะค่อยๆ สลายตัวและปลดปล่อยแคลเซียม

โดยรวมแล้ว เปลือกไข่เป็นวัสดุที่มีประโยชน์และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในการนำมาใช้ในการเกษตร ถึงแม้ว่าประสิทธิภาพในการปรับ pH อาจไม่สูงเท่าปูนขาว แต่ก็เป็นแหล่งแคลเซียมที่ดีและช่วยปรับปรุงโครงสร้างดินได้เล็กน้อย หากคุณมีเปลือกไข่จำนวนมาก การนำมาใช้ประโยชน์ในสวนหรือแปลงผักก็เป็นทางเลือกที่ดี

เปลือกไข่

PGS นครศรีธรรมราช
ศูนย์เรียนรู้

เครือข่ายเกษตรอินทรีย์ PGS นครศรีธรรมราช ขับเคลื่อนโดย สมาคมอาหารธรรมชาติยั่งยืน นครศรีธรรมราช

รายละเอียด >>

  • ที่อยู่ : ตำบลควนกลาง อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช
  • โทร : 0816577283