จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีเขียว
(Green Photosynthetic Bacteria)
จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีเขียว (Green Photosynthetic Bacteria) เป็นกลุ่มของแบคทีเรียที่สามารถสังเคราะห์แสงได้ โดยใช้แสงเป็นแหล่งพลังงานและเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ให้เป็นสารประกอบอินทรีย์ เช่น คาร์โบไฮเดรต

ความแตกต่างจากจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีม่วงและสีแดง:
 รงควัตถุหลัก: จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีเขียวมีรงควัตถุหลักคือ แบคทีริโอคลอโรฟิลล์ (Bacteriochlorophyll) ชนิด c, d หรือ e ซึ่งดูดกลืนแสงในช่วงความยาวคลื่นที่แตกต่างจากแบคทีริโอคลอโรฟิลล์ a หรือ b ที่พบในจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีม่วงและสีแดง ทำให้มีสีเขียว
 สภาวะการเจริญเติบโต: จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีเขียวส่วนใหญ่มักเจริญเติบโตภายใต้สภาวะที่มี ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H₂S) ในระดับต่ำ หรือสารประกอบซัลเฟอร์อื่นๆ เป็นแหล่งอิเล็กตรอนในการสังเคราะห์แสง (anoxygenic photosynthesis) บางชนิดก็สามารถใช้อินทรียวัตถุเป็นแหล่งอิเล็กตรอนได้
 ความหลากหลาย: มีความหลากหลายน้อยกว่าจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีม่วงและสีแดง

จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีเขียว (Green Photosynthetic Bacteria หรือ Chlorobi) เป็นแบคทีเรียที่ใช้แสงในการสร้างพลังงาน (Anoxygenic Photosynthesis) โดยไม่ผลิตออกซิเจน มีสีเขียวเนื่องจากมี แบคเทอริโอคลอโรฟิลล์ (Bacteriochlorophyll) และ แคโรทีนอยด์ เป็นรงควัตถุหลัก

คุณสมบัติเด่น
- ไม่ผลิตออกซิเจน (ต่างจากพืชและสาหร่าย)
- เจริญในสภาพไร้ออกซิเจน (Anaerobic) เช่น บ่อน้ำลึก โคลน
- ช่วยย่อยสลายสารอินทรีย์ และลดก๊าซพิษเช่น ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H₂S)
- มีประโยชน์ทางการเกษตร เช่น ช่วยตรึงไนโตรเจน เร่งการเจริญเติบโตของพืช

กลุ่มหลักของจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีเขียว:
- Green Sulfur Bacteria (GSB): เช่น สกุล Chlorobium, Chlorochromatium เป็นแบคทีเรียที่ไม่เคลื่อนที่ อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อยและมีไฮโดรเจนซัลไฟด์
- Green Non-Sulfur Bacteria (GNSB): เช่น สกุล Chloroflexus, Chloronema มีความหลากหลายในการใช้แหล่งอิเล็กตรอนมากกว่า สามารถใช้ทั้งสารประกอบซัลเฟอร์ในระดับต่ำและสารอินทรีย์ บางชนิดสามารถเจริญเติบโตได้ภายใต้สภาวะที่มีออกซิเจนต่ำ (microaerophilic)



ประโยชน์ของจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีเขียวทางการเกษตร (แม้ว่าการนำมาใช้โดยตรงอาจจะไม่แพร่หลายเท่าสีม่วงและสีแดง):
- บำบัดน้ำเสีย: สามารถช่วยบำบัดน้ำเสียจากฟาร์มเลี้ยงสัตว์หรือแหล่งอื่นๆ โดยการลดปริมาณสารอินทรีย์และสารประกอบซัลเฟอร์
- ผลิตสารที่มีมูลค่า: บางชนิดสามารถผลิตสารที่มีมูลค่า เช่น แคโรทีนอยด์ (แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นสีส้มหรือเหลือง ไม่ใช่สีเขียวโดยตรง) และไฮโดรเจน (ภายใต้สภาวะพิเศษ)
- เป็นอาหารสัตว์น้ำ: สามารถใช้เป็นอาหารเสริมสำหรับสัตว์น้ำบางชนิด
- อาจช่วยปรับปรุงดิน: เช่นเดียวกับจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงชนิดอื่นๆ การเพิ่มจุลินทรีย์เหล่านี้ลงในดินอาจช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ในระยะยาว
- ศักยภาพในการควบคุมโรคพืช: มีงานวิจัยบางชิ้นที่ศึกษาถึงศักยภาพของจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงในการควบคุมเชื้อโรคพืช

การขยายจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีเขียวอาจมีความท้าทายกว่าการขยายจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีม่วงและสีแดง เนื่องจากจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีเขียวหลายชนิดต้องการสภาวะที่มี ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H₂S) หรือสารประกอบซัลเฟอร์อื่นๆ ในระดับต่ำ ซึ่งอาจต้องมีการควบคุมสภาพแวดล้อมที่เฉพาะเจาะจง

แนวทางการขยายจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีเขียวแบบง่าย (เน้นกลุ่มที่อาจไม่ต้องการซัลเฟอร์มากนัก):
วัสดุและอุปกรณ์:
หัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีเขียว: หาได้จากแหล่งที่เพาะเลี้ยง หรืออาจลองเพาะจากแหล่งธรรมชาติที่มีน้ำขัง แสงแดดส่องถึง และมีตะกอนสีเขียว (โอกาสสำเร็จอาจไม่สูงเท่าการมีหัวเชื้อบริสุทธิ์)
แหล่งคาร์บอน: เช่น น้ำซาวข้าว, น้ำล้างผักผลไม้, กากน้ำตาลเจือจาง (ใช้น้อยมาก)
แหล่งไนโตรเจน: เช่น ปัสสาวะเจือจาง (ใช้น้อยมาก) 
น้ำสะอาด: น้ำประปาพักคลอรีน หรือน้ำบ่อ น้ำบาดาล
ภาชนะใส: ขวดพลาสติกใส หรือถังใส
ฝาปิด: ที่สามารถเปิดระบายแก๊สได้บ้าง (ไม่ต้องสนิท)
แสงแดด: ส่องถึงโดยตรง

แบบที่ 1 สูตรอาหารเลี้ยง (ปรับเปลี่ยนได้ตามแหล่งข้อมูล):
น้ำสะอาด: 1 ลิตร
น้ำซาวข้าว/น้ำล้างผักผลไม้: 100-200 มิลลิลิตร
ปัสสาวะเจือจาง (1 ส่วน ปัสสาวะ ต่อ 10-20 ส่วน น้ำ): 10-20 มิลลิลิตร (ระวังกลิ่น)
กากน้ำตาลเจือจาง (1 ส่วน กากน้ำตาล ต่อ 10 ส่วน น้ำ): 5-10 มิลลิลิตร (ใช้น้อย ระวังเชื้อรา)
หัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีเขียว: 50-100 มิลลิลิตร
วิธีการขยาย:
เตรียมภาชนะ: ล้างภาชนะให้สะอาด
ผสมอาหารเลี้ยง: เติมน้ำสะอาดลงในภาชนะ จากนั้นเติมน้ำซาวข้าว/น้ำล้างผักผลไม้ และส่วนผสมอื่นๆ ตามสูตร (ควรเริ่มจากปริมาณน้อยๆ ก่อน)
เติมหัวเชื้อ: ใส่หัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีเขียวลงไป
ปิดฝา: ปิดฝาให้สนิทแต่ไม่ต้องแน่นมาก เพื่อให้แก๊สที่เกิดขึ้นระหว่างการเจริญเติบโตสามารถระบายออกได้
ให้แสงแดด: นำภาชนะไปวางในบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึงโดยตรงตลอดวัน
สังเกต:
ในช่วงแรกอาจมีการเปลี่ยนแปลงของสีน้ำ
เมื่อจุลินทรีย์เริ่มเจริญเติบโต จะเห็นตะกอนสีเขียวค่อยๆ เพิ่มขึ้นที่ด้านล่างและขุ่นในน้ำ
อาจมีฟองแก๊สเกิดขึ้น
ระยะเวลา: ใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ หรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณหัวเชื้อ สภาพแวดล้อม และชนิดของจุลินทรีย์
การเก็บเกี่ยว: เมื่อมีปริมาณจุลินทรีย์สีเขียวหนาแน่น สามารถนำไปใช้ได้ หรือเก็บไว้เป็นหัวเชื้อต่อไป

แบบที่ 2 วิธีเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีเขียว
วัสดุอุปกรณ์
แหล่งน้ำธรรมชาติ (เช่น น้ำจากบ่อที่มีโคลน)
ไข่ไก่ (เป็นแหล่งโปรตีนและสารอาหาร)
กากน้ำตาล (แหล่งคาร์บอน)
เกลือสมุทร (เสริมแร่ธาตุ)
ขวดหรือถังใส (เพื่อให้แสงผ่านได้)
ปั๊มอากาศ (แบบไม่มีฟองอากาศสำหรับควบคุมออกซิเจน)

ขั้นตอนการเพาะ
1. เตรียมน้ำเลี้ยงเชื้อ: ผสมน้ำจากบ่อธรรมชาติ 5 ลิตร + กากน้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ + ไข่ไก่ 1 ฟอง (เฉพาะไข่แดง) + เกลือสมุทรเล็กน้อย   ผสมทั้งหมดในถังพลาสติกใส คนให้เข้ากัน
อัตราส่วน: 
น้ำเชื้อเดิมหรือน้ำจากแหล่งธรรมชาติ 5 ลิตร
น้ำสะอาด (ไม่มีคลอรีน) 10 ลิตร
กากน้ำตาล 2-3 ช้อนโต๊ะ
ไข่แดง 1 ฟอง 
เกลือสมุทร ½ ช้อนชา
2. บรรจุในขวดใส:ใส่ส่วนผสมในขวดพลาสติกใส ปล่อยทิ้งไว้ในที่ร่มแต่มีแสงรำไร วางในที่ร่มแต่มีแสงส่องรำไร (ไม่โดนแดดโดยตรง)
3. ควบคุมสภาพแวดล้อม: อุณหภูมิ 25-35°C (เหมาะสำหรับการเจริญเติบโต)
4. ใช้ปั๊มอากาศแบบละลายน้ำช้าๆ  ใช้ปั๊มอากาศแบบฟองละเอียด (Air stone) เปิดวันละ 2-3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการสะสมแก๊สพิษ และลดออกซิเจน
5. ระยะเวลาการขยาย
3-7 วัน: น้ำจะเริ่มเปลี่ยนสีเป็น เขียวอมน้ำตาล
7-14 วัน: เชื้อจะเติบโตเต็มที่ สังเกตจากสีเขียวเข้มและมีกลิ่นหอมอมเปรี้ยว จะเห็นน้ำเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมน้ำตาล แสดงว่ามีจุลินทรีย์เจริญเติบโต

การเก็บรักษา
- กรองเอาแต่น้ำเก็บในขวดพลาสติกสีชา
- เก็บในที่ร่ม อุณหภูมิห้อง ใช้ได้นาน 2-3 เดือน

ข้อควรระวังและข้อสังเกต:
ความสะอาด: รักษาความสะอาดของภาชนะและอุปกรณ์เพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากจุลินทรีย์ชนิดอื่น
กลิ่น: การใช้ปัสสาวะอาจทำให้เกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ควรใช้ในปริมาณน้อยและในที่อากาศถ่ายเท
ตะกอน: ตะกอนสีเขียวที่เกิดขึ้นคือตัวจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
ความสำเร็จ: การขยายจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีเขียวอาจไม่ง่ายเท่าสีม่วงและสีแดง และอาจต้องมีการปรับสูตรอาหารเลี้ยงเพื่อให้เหมาะสมกับชนิดของจุลินทรีย์ที่มีอยู่
แหล่งหัวเชื้อ: การได้หัวเชื้อบริสุทธิ์จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายสำเร็จ
ไฮโดรเจนซัลไฟด์: หากจุลินทรีย์ที่ต้องการขยายจำเป็นต้องมีไฮโดรเจนซัลไฟด์ อาจต้องเติมแหล่งกำมะถัน เช่น ไข่เน่าเจือจาง (ทำด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นแก๊สพิษ) หรือสารเคมีเฉพาะ (ซึ่งไม่แนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น)

วิธีการใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีเขียว
1. การเตรียมสารละลายพ่น ผสมจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงกับน้ำในอัตรา 1:500–1,1000 (เช่น 10–20 ซีซี ต่อน้ำ 10 ลิตร)
2. พ่นลงดินหรือใบพืชทุก 7–15 วัน
3. ใช้คลุกเมล็ดพันธุ์ แช่เมล็ดในสารละลายจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงก่อนปลูก เพื่อเพิ่มอัตราการงอก
4. ใช้ในระบบน้ำหยดหรือน้ำหมักชีวภาพ ผสมในระบบชลประทานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึม
5. ใช้ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยหมัก
6. ใช้ในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ ช่วยลดแอมโมเนียและของเสียในน้ำ เพิ่มออกซิเจน

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้
นาข้าว: ช่วยเพิ่มผลผลิต ลดการใช้ปุ๋ยเคมี
สวนผักและผลไม้: เร่งการเติบโต ลดโรคโคนเน่า
ฟาร์มปศุสัตว์: ลดกลิ่นคอกสัตว์ ย่อยสลายมูลสัตว์
การเพาะเห็ด: ช่วยย่อยสลายวัสดุเพาะให้เห็ดดูดซึมอาหารได้ดีขึ้น

การนำมาใช้ทางการเกษตร:
การนำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีเขียวมาใช้ทางการเกษตรโดยตรงอาจจะยังไม่แพร่หลายเท่าจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีม่วงและสีแดง สาเหตุหลักอาจมาจาก:
- ความต้องการสภาวะพิเศษ: จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีเขียวหลายชนิดต้องการสภาวะที่มีไฮโดรเจนซัลไฟด์ ซึ่งอาจไม่เหมาะสมกับการใช้งานทั่วไปในแปลงเกษตร
- การเพาะเลี้ยง: การเพาะเลี้ยงอาจมีความซับซ้อนกว่าจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีม่วงและสีแดง

จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีเขียวเป็นกลุ่มแบคทีเรียที่มีความสามารถในการสังเคราะห์แสงโดยใช้รงควัตถุแบคทีริโอคลอโรฟิลล์ c, d หรือ e ทำให้มีสีเขียว ส่วนใหญ่ต้องการสภาวะที่มีไฮโดรเจนซัลไฟด์ในการเจริญเติบโต แม้ว่าจะมีประโยชน์หลายด้าน เช่น การบำบัดน้ำเสียและการผลิตสารที่มีมูลค่า แต่การนำมาใช้ทางการเกษตรโดยตรงอาจจะยังไม่แพร่หลายเท่าจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีม่วงและสีแดง เนื่องจากความต้องการสภาวะการเจริญเติบโตที่จำเพาะและการเพาะเลี้ยงที่อาจซับซ้อนกว่า

จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีเขียว

จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงสีเขียว

PGS นครศรีธรรมราช
ศูนย์เรียนรู้

เครือข่ายเกษตรอินทรีย์ PGS นครศรีธรรมราช ขับเคลื่อนโดย สมาคมอาหารธรรมชาติยั่งยืน นครศรีธรรมราช

รายละเอียด >>

  • ที่อยู่ : ตำบลควนกลาง อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช
  • โทร : 0816577283