ธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิด
จัดการน้ำใต้ดินที่เน้นการเก็บกักน้ำไว้ใต้ดินในพื้นที่จำกัด
ธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิด (Closed System Underground Water Bank) เป็นแนวคิดหรือระบบการจัดการน้ำใต้ดินที่เน้นการเก็บกักน้ำไว้ใต้ดินในพื้นที่จำกัด และควบคุมการไหลเข้าออกของน้ำอย่างเป็นระบบ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาปริมาณน้ำใต้ดินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และป้องกันการสูญเสียน้ำหรือการปนเปื้อนของแหล่งน้ำใต้ดิน

 ลักษณะสำคัญของธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิด
1. การควบคุมการไหลของน้ำ : ระบบนี้จะควบคุมการเติมน้ำและการนำน้ำออกจากแหล่งใต้ดินอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำหรือการลดลงของระดับน้ำใต้ดินมากเกินไป
2. การเก็บกักน้ำ : น้ำจะถูกเก็บไว้ในชั้นหินอุ้มน้ำหรือแหล่งเก็บน้ำใต้ดินที่ออกแบบมาเฉพาะ โดยอาจมีการเติมน้ำจากแหล่งอื่น เช่น น้ำฝนหรือน้ำผิวดิน ที่ผ่านกระบวนการกรองก่อน
3. การป้องกันการปนเปื้อน : ระบบปิดช่วยลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนจากสารเคมีหรือสิ่งแปลกปลอมที่อาจเข้าสู่แหล่งน้ำใต้ดิน
4. การบริหารจัดการอย่างยั่งยืน : ระบบนี้เน้นการจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีน้ำใช้ได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

 ประโยชน์ของธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิด
- รักษาสมดุลของน้ำใต้ดิน: ช่วยป้องกันปัญหาน้ำใต้ดินลดลงหรือแห้งเหือด
- ลดการสูญเสียน้ำ: ควบคุมการนำน้ำออกมาใช้อย่างเหมาะสม
- ป้องกันการปนเปื้อน: ลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนจากแหล่งภายนอก
- เพิ่มความมั่นคงทางน้ำ: ช่วยให้ชุมชนมีแหล่งน้ำสำรองในยามขาดแคลน

การทำธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิด (Closed System Underground Water Bank) เป็นกระบวนการที่ต้องมีการวางแผนและออกแบบอย่างละเอียด เพื่อให้สามารถเก็บกักน้ำใต้ดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และควบคุมการไหลเข้าออกของน้ำได้อย่างเหมาะสม ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนหลักในการทำธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิด:
1. ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน
 - สำรวจพื้นที่: ศึกษาลักษณะทางภูมิศาสตร์ ธรณีวิทยา และสภาพน้ำใต้ดินในพื้นที่ เช่น ชั้นหินอุ้มน้ำ (Aquifer) ความลึกของน้ำใต้ดิน และคุณภาพน้ำ
 - วิเคราะห์ความต้องการน้ำ: ประเมินปริมาณน้ำที่ชุมชนหรือพื้นที่ต้องการใช้ในปัจจุบันและอนาคต
 - ตรวจสอบกฎหมายและข้อกำหนด: ศึกษากฎหมายเกี่ยวกับการใช้น้ำใต้ดินและการก่อสร้างระบบน้ำในพื้นที่
2. ออกแบบระบบ
 - กำหนดตำแหน่งและขนาด: เลือกตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการสร้างธนาคารน้ำใต้ดิน โดยคำนึงถึงความลึกของชั้นหินอุ้มน้ำ และความสะดวกในการเข้าถึง
 - ออกแบบระบบเติมน้ำ: ออกแบบระบบเพื่อนำน้ำจากแหล่งอื่น เช่น น้ำฝน น้ำผิวดิน หรือน้ำท่า มาผ่านกระบวนการกรองและเติมลงสู่ชั้นหินอุ้มน้ำ
 - ออกแบบระบบควบคุมการไหล: ออกแบบระบบควบคุมการนำน้ำออกจากชั้นหินอุ้มน้ำ เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำมากเกินไป
3. เตรียมพื้นที่และก่อสร้าง
3.1 ขุดเจาะบ่อน้ำ: ขุดเจาะบ่อน้ำเพื่อเข้าถึงชั้นหินอุ้มน้ำ โดยอาจใช้บ่อแบบปิดหรือบ่อแบบเปิดขึ้นอยู่กับการออกแบบ
3.2 ติดตั้งระบบกรองน้ำ: ติดตั้งระบบกรองน้ำเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของน้ำที่เติมลงสู่ชั้นหินอุ้มน้ำ
3.3 สร้างระบบควบคุมการไหล: ติดตั้งระบบควบคุมการไหลของน้ำ เช่น วาล์วควบคุม หรือระบบวัดระดับน้ำ เพื่อจัดการการเติมและการนำน้ำออก
3.4 วิเคราะห์ความต้องการน้ำ: ประเมินปริมาณน้ำที่ชุมชนหรือพื้นที่ต้องการใช้ในปัจจุบันและอนาคต
4. เติมน้ำลงสู่ชั้นหินอุ้มน้ำ
 - นำน้ำจากแหล่งอื่น: น้ำที่ใช้เติมอาจมาจากน้ำฝนที่เก็บกักไว้ น้ำผิวดินที่ผ่านการกรอง หรือน้ำท่า
 - เติมน้ำอย่างช้าๆ: เพื่อป้องกันการพังทลายของชั้นหินอุ้มน้ำ ควรเติมน้ำในอัตราที่เหมาะสมและควบคุมได้
5. บริหารจัดการและบำรุงรักษา
 - ตรวจสอบระดับน้ำใต้ดิน: ติดตั้งเครื่องมือวัดระดับน้ำใต้ดินเพื่อตรวจสอบปริมาณน้ำอย่างสม่ำเสมอ
 - ควบคุมการนำน้ำออก: กำหนดกฎเกณฑ์ในการนำน้ำออกจากชั้นหินอุ้มน้ำ เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำมากเกินไป
 - บำรุงรักษาระบบ: ตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบกรองน้ำและระบบควบคุมการไหลอย่างสม่ำเสมอ

ตรวจสอบกฎหมายและข้อกำหนด: ศึกษากฎหมายเกี่ยวกับการใช้น้ำใต้ดินและการก่อสร้างระบบน้ำในพื้นที่
ธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิดเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญในการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำหรือการจัดการน้ำที่ไม่เหมาะสม

ธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิด

ธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิด

เอกสารประกอบ

ธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิด - GWB_CLOSED.pdf

PGS นครศรีธรรมราช
ศูนย์เรียนรู้

เครือข่ายเกษตรอินทรีย์ PGS นครศรีธรรมราช ขับเคลื่อนโดย สมาคมอาหารธรรมชาติยั่งยืน นครศรีธรรมราช

รายละเอียด >>

  • ที่อยู่ : ตำบลควนกลาง อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช
  • โทร : 0816577283